2.การบริหารจัดการโลจิสติกส์ระดับโลก
ระบบโลจิสติกส์เกิดขึ้นทั่วโลก ตลอด 24 ชม.ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ และ 365 วันต่อปี ซึ่งระบบเหล่านี้จะต้องมีการบูรณาการ (Intergration) ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลข่าวสาร สินค้าคงคลัง คลังสินค้า การเคลื่อนย้าย บรรจุหีบห่อ ซึ่งแต่ละกระบวนการต้องทำงานประสานกัน
ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาของระบบโลจิสติกส์
- การลดกฏเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ
- การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
- ความต้องการของลูกค้ามีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
- การพัฒนา และการนำเอาระบบสารสนเทศมาใช้เพิ่มมากขึ้น
- Global Session ในธุรกิจ
การดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศไม่สามารถการนำระบบโลจิสติกส์มาใช้ได้ โดยเฉพาะจะพบว่าธุรกิจต่าง ๆ มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ความต้องการของผู้บริโภคมีความซับซ้อน และเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การเปิดเสรีทางการค้า (Free Trade Agreement : FTA) ถือว่าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่สำคัญอีกประการหนึ่ง
ความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน
ประการแรก คือความสามารถที่จะช่วยให้องค์กรอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในแง่ของการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยการใช้กระบวนการทางโลจิสติกส์เข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับความสำเร็จในตลาดที่เป็นรูปแบบง่าย ๆ คือ 3C Company(บริษัท) ,Customer(ลูกค้า) , Competitor(คู่แข่ง)
ประการที่สอง คือการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำกว่า และมีความสามารถในการทำกำไรได้มากกว่าคู่แข่ง
บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักได้เปรียบในด้านความสามารถในการผลิต หรือมีความได้เปรียบในด้านคุณค่า หรือทั้งสองด้านรวมกัน ซึ่งการสร้างความได้เปรียบทางด้านการผลิตมักอยู่ในรูปของการที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง และการได้เปรียบทางด้านคุณค่าคือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ หรือสร้างจุดเด่นให้เหนือกว่าคู่แข่ง
การจัดการโลจิสติกส์ จะเป็น การวางแผน และกรอบการทำงานซึ่งจะสร้างแผนในการเคลื่อนย้ายสินค้า และข้อมูลของธุรกิจ
การจัดการโซ่อุปทาน จะเป็น การจัดกรอบการทำงาน และพยายามที่จะทำให้บรรลุผลโดยการเชื่อม และการประสานระหว่างกิจกรรม และกระบวนการต่าง ๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
การจัดการโซ่อุปทาน คือ การจัดการความสัมพันธ์กับผู้จัดหาสินค้า และลูกค้า เพื่อทำการส่งสินค้า และบริการที่มีคุณค่าเหนือคู่แข่งโดยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าในทุก ๆ กิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
การขยายแนวความคิดออกไปทำให้กำหนดความหมายของห่วงโซ่อุปทานให้มีความถูกต้องมากขึ้นดังนี้คือ เครือข่ายขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีการเชื่อมต่อ และเป็นอิสระต่อกัน ทั้งนี้การทำงานต้องมีความร่วมมือเพื่อควบคุม จัดการ และปรับปรุงการเคลื่อนย้ายของวัตถุดิบ และข้อมูลจากผู้จัดส่งสินค้า ไปจนถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย
สิ่งท้าทายโลจิสติกส์ระดับโลก
ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. ช่วงเวลาในการส่งมอบสินค้า
2. ช่วงเวลาที่ขยายออกไปสำหรับการพักก่อนส่งสินค้าต่อไป
3. หลักการรวบรวมสินค้าหลากหลายเข้าด้วยกัน
4. วิธีขนส่งที่หลากหลาย และการพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนของการขนส่ง
ช่วงเวลาในการส่งมอบสินค้า
การรวมการผลิตเข้าไว้ด้วยกัน หรือการจำกัดจำนวนฐานการผลิตจะก่อให้เกิดการช่วงชิง และการแข่งขันที่จะตอบสนองความต้องการในตลาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นมีความต้องการสินค้า หรือผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน การจัดการระบบการผลิตจะเน้นการใช้ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าให้นานขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ
ช่วงเวลาที่ขยายออกไปสำหรับการพักก่อนส่งสินค้าต่อไป
การขนส่ง การรวบรวมสินค้า และพิธีการศุลกากรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าสำหรับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นหลักสำหรับบริษัทที่จะดำเนินงานระหว่างประเทศ ผลที่ตามมาคือผู้บริหารมุ่งที่จะชดเชยสำหรับความไม่แน่นอนโดยการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น การเผื่อสต๊อกเป็นสองเท่า และการเพิ่มแรงกดดันเนื่องจากการแข่งขันไปในการผลิต และการจัดสรรแบบรวมศูนย์
หลักการรวบรวมสินค้าหลากหลายเข้าด้วยกัน
บริษัทต่าง ๆ สามารถเลือกใช้ประเภทของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้หลากหลายแนวทาง และจำเป็นต้องเปรียบเทียบระหว่างต้นทุน และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการขนส่งประเภทต่าง ๆ ซึ่งทางเลือกต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
o การขนส่งตั้งแต่ต้นทางไปยังตลาด
o รวบรวมสินค้าต่าง ๆ ในภูมิภาค และทำการขนส่งไปยังตลาด
o รวบรวมสินค้าจากแหล่งต่าง แล้วทำการแบ่งกระจายไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ
o รวบรวมสินค้าจากแหล่งต่าง ๆ ในภูมิภาค และทำการแบ่งย่อยไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ
วิธีขนส่งที่หลากหลาย และการพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนของการขนส่ง
โดยการนำเอาหลักการการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบมาใช้ ซึ่งจะช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเจรจาตกลงเลือกประเภทการขนส่งสินค้าจัดว่าเป็นงานที่ใช้ทักษะสูงมาก ซึ่งทางเลือกที่ดีมากคือการใช้บริษัทภายนอกมาจัดการขนส่งในแบบ Door – to – Door หรือเรียกอีกอย่างว่า Integrator ซึ่งสามารถจะทำการจัดส่งสินค้าได้อย่างตรงเวลา และมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเป็นวิธีการที่มีความสลับซับซ้อนน้อย
การจัดการโลจิสติกส์ระดับโลก
เนื่องจากเมื่อนำมาเปรียบเทียบระหว่างบริษัท แต่ละบริษัทมีความแตกต่างกันในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางการตลาด และลักษณะของอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ดังนั้นจีงมีหลักการทั่ว ๆ ไปที่สามารถนำมาใช้ได้เช่น
- โครงสร้างเชิงกลยุทธ์ขององค์กร และการควบคุมการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ / สินค้าต้องเน้นที่การรวมศูนย์ ทั้งนี้เพื่อให้องค์กรสามารถจัดการต้นทุนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
- การควบคุมและจัดการการให้บริการต้องเน้นในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของตลาดเฉพาะแห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถที่จะช่วงชิง และรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
- มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในการใช้บริษัทผู้ให้บริการจากภายนอก (Outsourcing) ยกเว้นกิจกรรมหลักที่สำคัญสำหรับองค์กร
- การสร้างระบบข้อมูลโลจิสติกส์ระดับโลกเป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำก่อนกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละท้องถิ่นได้
ความแตกต่างระหว่างความสำเร็จ และความผิดพลาดในตลาดระดับโลกจะถูกกำหนดไม่เพียงแต่จากความสลับซับซ้อนของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ หรือการใช้การสื่อสารทางการตลาดเท่านั้น แต่จะเป็นหนทางที่เราใช้ในการจัดการ และควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ของโลจิสติกส์ระดับโลก
24 ตุลาคม 2551
22 ตุลาคม 2551
1.วิวัฒนการของระบบโลจิสติกส์
1 วิวัฒนการของระบบโลจิสติกส์
ความหมายของโลจิสติกส์
โลจิสติกส์ คือ ส่วนหนึ่งของโซ่อุปทานซึ่งเป็นกระบวนการในการวางแผน การนำเสนอ และการควบคุมการไหลที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และการเก็บสินค้า บริการ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสุดท้ายของการบริโภคเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ กระบวนการของการวางแผน การเตรียม การนำไปใช้งาน และการประเมินผลของทุกหน้าที่ทางโลจิสติกส์ซึ่งสนับสนุนการดำเนินงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ [Christopher ,1988] การจัดการเชิงกลยุทธ์ในการจัดซื้อจัดหา การเคลื่อนย้าย และจัดเก็บวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและสินค้าคงคลัง (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการไหลของข้อมูล) ตลอดทุกหน่วยขององค์กรโดยผ่านช่องทางทางการตลาด เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) [โอ๊ก บรูก, 2544] กระบวนการวางแผน การปฏิบัติการและควบคุม การเคลื่อนย้าย และการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล รวมถึงการให้บริการ และสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่จุดกำเนิดจนถึงจุดการบริโภคสินค้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สรุป
โลจิสติกส์ คือ การออกแบบและการจัดการระบบการควบคุมการเคลื่อนย้าย ที่บริษัทและออกจากบริษัทไปยังลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
หรือ
การเคลื่อนย้ายพัสดุ และข้อมูลตั้งแต่วัตถุดิบไปจนเป็นสินค้าสำเร็จรูป จากต้นทางไปยังปลายทางจนถึงผู้บริโภค โดยมีการประสานงานแต่ละขั้นจอนอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ความหมายของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
[Cooper and Ellram]
Supply Chain เป็นวิธีบูรณาการเพื่อจัดการเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งหมดในช่องทางจำหน่ายจาก Supplier ไปยังลูกค้าคนสุดท้าย
[Battaglia and Tyndall]
Supply Chain เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจ และการจัดการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นลำดับจาก Supplier ถึงลูกค้า ซึ่งเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ตลอดเส้นทางอุปทาน
[Stenger and Coyle]
Supply Chain คือการจัดการบูรณาการกิจกรรมโลจิสติกส์ การแปรสภาพและการบริการอย่างเป็นไปตามลำดับจาก Supplier ไปจนถึงลูกค้าสุดท้ายซึ่งจำเป็นต่อการผลิตสินค้าหรือการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
[Lambert, Cooper and Pagh]
การจัดการ Supply Chain เป็นการบูรณาการกระบวนการธุรกิจหลัก ตั้งแต่ผู้ใช้คนสุดท้าย ไปถึงผู้ผลิตต้นทางซึ่งผลิตสินค้า บริการ และสารสนเทศที่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย
สรุป
Supply Chain เป็นเรื่องของการเคลื่อนย้าย และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางผู้บริโภค กระบวนการในแต่ละขั้นห่วงโซ่อุปทานจะช่วยเพิ่มคุณค่าสินค้าตลอดทั้งเส้นทาง
กิจกรรมต่าง ๆ ในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นระบบสินค้า และข้อมูลที่ไหนเข้ามายังบริษัทหรือโรงงานเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้า เรียกว่า “การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ”
ส่วนที่สอง เกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตทำการผลิตสินค้าเสร็จ และสินค้าจะเคลื่อนออกจากบริษัทหรือโรงงานไปยังลูกค้า เรียกว่า “การจัดการการกระจายสินค้า”
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
- การจัดซื้อ (Purchasing)
- การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
- การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
- การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
- คลังสินค้า (Warehousing)
- การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
- การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
- การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
- การบริการลูกค้า (Customer Service)
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ
การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
คือกระบวนการ และขั้นตอนที่บริษัทนำมาใช้เพื่อจัดหาทรัพยากร(Resource) ที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้า หรือบริการ ซึ่งต้องคำนึงถึงคุณภาพวัตถุดิบ ความมั่นใจในด้านแหล่งจัดหา และต้นทุนวัตถุดิบ
การจัดซื้อ (Purchasing)
เป็นอีกกิจกรรมที่มีสำคัญ โดยจะพิจารณาจากมูลค่า และประเภทของสินค้า ซึ่งจะมีเทคนิคในการจัดซื้อหลากหลายรูปแบบตามแต่วัตถุดิบที่ต้องการ
การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
การขนส่ง มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และมีความสามารถในการแข่งขัน รูปแบบของการขนส่งประกอบด้วยการขนส่งทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ทางท่อ และทางอากาศ ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป
การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
เมื่อนำวัตถุดิบมายังโรงงาน พนักงานต้องทำการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และจำนวนที่รับเข้ามา เมื่อตรวจรับแล้วจะนำมาเก็บรักษาในสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปริมาณ และความถี่ของการใช้งานด้วย
การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนเพื่อใช้ในการผลิต สินค้าคงคลังมีไว้เพื่อให้การผลิตดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การจัดเก็บสินค้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น แหล่งวัตถุดิบ ปริมาณการใช้ และวิธีการขนส่งเป็นต้น
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
การจัดการคำสั่งซื้อเป็นจุดแรกที่ลูกค้าจะสอบถาม และสั่งสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อได้หลายช่องทางเช่นโทรศัพท์, FAX, e-Mail หรือ EDI เมื่อได้รับคำสั่งซื้อแล้ว จะตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อ และแจ้งนัดหมายวันส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้า
การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
คือการเชื่อมโยงระหว่างการวางแผน กับการปฏิบัติการ บทบาทของการจัดการสินค้าคงคลังคือการวางแผนความต้องการสินค้าที่จะเก็บไว้ในสต๊อก และจัดการสินค้าในสต๊อก รวมถึงการจัดการส่งสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งจะต้องทราบว่าสินค้าที่ต้องการอยู่ ณ ที่ใดบ้าง และเมื่อใดวรจะสั่งสินค้ามาเติมเต็ม
คลังสินค้า (Warehousing)
เป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า โดยมีหน้าที่ในการรวบรวมสินค้าจากโรงงานต่าง ๆ เพื่อส่งมอบให้ลูกค้า โดยคลังสินค้าอาจจะเป็นสถานที่ผสม หรือปรุงแต่งสินค้า และมีหน้าที่ในการสนับสนุนกิจกรรมด้านการผลิต และการตลาดอีกด้วย
การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
เป็นกิจกรรมหนึ่งของการให้บริการคลังสินค้า และเป็นการเคลื่อนย้ายพัสดุในระยะสั้น คือการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้า – ออกจากคลังสินค้า เคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า ซึ่งต้องพิจารณาถึงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความเสียหายของสินค้าด้วย
การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
มีความสำคัญกับระบบโลจิสติกส์ด้านค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยในตัวสินค้า นอกจากนั้นการบรรจุหีบห่อจะต้องมีการสื่อสาร หรือถ่ายทอดข้อมูล เช่น ผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ หมายเลขสินค้า เป็นต้น
การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
มักเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปซึ่งจะส่งให้กับลูกค้า หรือเก็บไว้ตามคลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า เป็นการนำสินค้าเข้าใกล้ลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การบริการลูกค้า (Customer Service)
เป็นปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จของธุรกิจ ทั้งนี้เพราะเป้าหมายของลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจคือกำไร และเป้าหมายของผู้บริโภคคือความพอใจในบริการ
ผู้เกี่ยวข้องหลักในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือ
1. ผู้จัดส่งสินค้า
2. ผู้ผลิต
3. ลูกค้า
โดยทั้งสามฝ่ายจะมีการติดต่อซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้สินค้า หรือบริการเกิดการไหล หรือเคลื่อนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายของโลจิสติกส์
โลจิสติกส์ คือ ส่วนหนึ่งของโซ่อุปทานซึ่งเป็นกระบวนการในการวางแผน การนำเสนอ และการควบคุมการไหลที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และการเก็บสินค้า บริการ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสุดท้ายของการบริโภคเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ กระบวนการของการวางแผน การเตรียม การนำไปใช้งาน และการประเมินผลของทุกหน้าที่ทางโลจิสติกส์ซึ่งสนับสนุนการดำเนินงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ [Christopher ,1988] การจัดการเชิงกลยุทธ์ในการจัดซื้อจัดหา การเคลื่อนย้าย และจัดเก็บวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและสินค้าคงคลัง (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการไหลของข้อมูล) ตลอดทุกหน่วยขององค์กรโดยผ่านช่องทางทางการตลาด เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) [โอ๊ก บรูก, 2544] กระบวนการวางแผน การปฏิบัติการและควบคุม การเคลื่อนย้าย และการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล รวมถึงการให้บริการ และสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่จุดกำเนิดจนถึงจุดการบริโภคสินค้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สรุป
โลจิสติกส์ คือ การออกแบบและการจัดการระบบการควบคุมการเคลื่อนย้าย ที่บริษัทและออกจากบริษัทไปยังลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
หรือ
การเคลื่อนย้ายพัสดุ และข้อมูลตั้งแต่วัตถุดิบไปจนเป็นสินค้าสำเร็จรูป จากต้นทางไปยังปลายทางจนถึงผู้บริโภค โดยมีการประสานงานแต่ละขั้นจอนอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ความหมายของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
[Cooper and Ellram]
Supply Chain เป็นวิธีบูรณาการเพื่อจัดการเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งหมดในช่องทางจำหน่ายจาก Supplier ไปยังลูกค้าคนสุดท้าย
[Battaglia and Tyndall]
Supply Chain เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจ และการจัดการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นลำดับจาก Supplier ถึงลูกค้า ซึ่งเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ตลอดเส้นทางอุปทาน
[Stenger and Coyle]
Supply Chain คือการจัดการบูรณาการกิจกรรมโลจิสติกส์ การแปรสภาพและการบริการอย่างเป็นไปตามลำดับจาก Supplier ไปจนถึงลูกค้าสุดท้ายซึ่งจำเป็นต่อการผลิตสินค้าหรือการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
[Lambert, Cooper and Pagh]
การจัดการ Supply Chain เป็นการบูรณาการกระบวนการธุรกิจหลัก ตั้งแต่ผู้ใช้คนสุดท้าย ไปถึงผู้ผลิตต้นทางซึ่งผลิตสินค้า บริการ และสารสนเทศที่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย
สรุป
Supply Chain เป็นเรื่องของการเคลื่อนย้าย และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางผู้บริโภค กระบวนการในแต่ละขั้นห่วงโซ่อุปทานจะช่วยเพิ่มคุณค่าสินค้าตลอดทั้งเส้นทาง
กิจกรรมต่าง ๆ ในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นระบบสินค้า และข้อมูลที่ไหนเข้ามายังบริษัทหรือโรงงานเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้า เรียกว่า “การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ”
ส่วนที่สอง เกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตทำการผลิตสินค้าเสร็จ และสินค้าจะเคลื่อนออกจากบริษัทหรือโรงงานไปยังลูกค้า เรียกว่า “การจัดการการกระจายสินค้า”
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
- การจัดซื้อ (Purchasing)
- การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
- การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
- การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
- คลังสินค้า (Warehousing)
- การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
- การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
- การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
- การบริการลูกค้า (Customer Service)
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ
การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
คือกระบวนการ และขั้นตอนที่บริษัทนำมาใช้เพื่อจัดหาทรัพยากร(Resource) ที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้า หรือบริการ ซึ่งต้องคำนึงถึงคุณภาพวัตถุดิบ ความมั่นใจในด้านแหล่งจัดหา และต้นทุนวัตถุดิบ
การจัดซื้อ (Purchasing)
เป็นอีกกิจกรรมที่มีสำคัญ โดยจะพิจารณาจากมูลค่า และประเภทของสินค้า ซึ่งจะมีเทคนิคในการจัดซื้อหลากหลายรูปแบบตามแต่วัตถุดิบที่ต้องการ
การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
การขนส่ง มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และมีความสามารถในการแข่งขัน รูปแบบของการขนส่งประกอบด้วยการขนส่งทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ทางท่อ และทางอากาศ ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป
การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
เมื่อนำวัตถุดิบมายังโรงงาน พนักงานต้องทำการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และจำนวนที่รับเข้ามา เมื่อตรวจรับแล้วจะนำมาเก็บรักษาในสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปริมาณ และความถี่ของการใช้งานด้วย
การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนเพื่อใช้ในการผลิต สินค้าคงคลังมีไว้เพื่อให้การผลิตดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การจัดเก็บสินค้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น แหล่งวัตถุดิบ ปริมาณการใช้ และวิธีการขนส่งเป็นต้น
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
การจัดการคำสั่งซื้อเป็นจุดแรกที่ลูกค้าจะสอบถาม และสั่งสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อได้หลายช่องทางเช่นโทรศัพท์, FAX, e-Mail หรือ EDI เมื่อได้รับคำสั่งซื้อแล้ว จะตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อ และแจ้งนัดหมายวันส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้า
การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
คือการเชื่อมโยงระหว่างการวางแผน กับการปฏิบัติการ บทบาทของการจัดการสินค้าคงคลังคือการวางแผนความต้องการสินค้าที่จะเก็บไว้ในสต๊อก และจัดการสินค้าในสต๊อก รวมถึงการจัดการส่งสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งจะต้องทราบว่าสินค้าที่ต้องการอยู่ ณ ที่ใดบ้าง และเมื่อใดวรจะสั่งสินค้ามาเติมเต็ม
คลังสินค้า (Warehousing)
เป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า โดยมีหน้าที่ในการรวบรวมสินค้าจากโรงงานต่าง ๆ เพื่อส่งมอบให้ลูกค้า โดยคลังสินค้าอาจจะเป็นสถานที่ผสม หรือปรุงแต่งสินค้า และมีหน้าที่ในการสนับสนุนกิจกรรมด้านการผลิต และการตลาดอีกด้วย
การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
เป็นกิจกรรมหนึ่งของการให้บริการคลังสินค้า และเป็นการเคลื่อนย้ายพัสดุในระยะสั้น คือการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้า – ออกจากคลังสินค้า เคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า ซึ่งต้องพิจารณาถึงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความเสียหายของสินค้าด้วย
การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
มีความสำคัญกับระบบโลจิสติกส์ด้านค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยในตัวสินค้า นอกจากนั้นการบรรจุหีบห่อจะต้องมีการสื่อสาร หรือถ่ายทอดข้อมูล เช่น ผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ หมายเลขสินค้า เป็นต้น
การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
มักเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปซึ่งจะส่งให้กับลูกค้า หรือเก็บไว้ตามคลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า เป็นการนำสินค้าเข้าใกล้ลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การบริการลูกค้า (Customer Service)
เป็นปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จของธุรกิจ ทั้งนี้เพราะเป้าหมายของลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจคือกำไร และเป้าหมายของผู้บริโภคคือความพอใจในบริการ
ผู้เกี่ยวข้องหลักในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือ
1. ผู้จัดส่งสินค้า
2. ผู้ผลิต
3. ลูกค้า
โดยทั้งสามฝ่ายจะมีการติดต่อซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้สินค้า หรือบริการเกิดการไหล หรือเคลื่อนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
20 ตุลาคม 2551
เริ่มต้นง่าย ๆ กับ Genetic Algorithm
Basic Genetic Algorithm
สำหรับองค์ประกอบหลักๆ ของ Genetic Algorithm มีดังนี้
1. Chromosome Encoding
2. Initial Population
3. Fitness Function
4. Genetic Operator -> Selection, Crossover, Mutation
5. Parameters
สามารถแจงรายระเอียดได้ดังนี้
- Chromosome Encoding คือ ขั้นตอนสำหรับแปลงทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ให้อยู่ในรูปแบบของ Chromosome ในการแปลงวิธีการสำหรับแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ ให้อยู่ในรูปแบบของ Chromosome นั้นสามารถที่จะทำได้ในหลายรูปแบบซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละปัญหา
- Initial Population คือ การสุ่มเลือกเพื่อสร้างประชากรต้นแบบขึ้นมาเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของขั้นตอนการวิวัฒนาการขั้นตอนนี้จะเป็นขึ้นตอนแรกที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเร่ิมเข้ากระบวนการของ Genetic Algorithm โดยประชากรกลุ่มแรก หรือประชาการต้นกำเนิด จะเกิดจากการสุ่มเลือกขึ้นมาจาก กลุ่มของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ โดยในการสุ่มเลือกจะทำการสุ่มตามจำนวนของประชากรที่ได้กำหนดไว้เป็น Parameter ของ Algorithm
- Fitness Function คือ ฟังชันสำหรับประเมินค่าความเหมาะสม เพื่อให้คะแนนสำหรับคำตอบต่างๆ ที่เป็นไปได้ของปัญหาโครโมโซมทุกตัวจะมีค่าความเหมาะสมของตัวเองเพื่อใช้สำหรับพิจารณาว่า โครโมโซมตัวนั้น เหมาะหรือไม่ที่จะนำมาใช้สืบทอดพันธุกรรมสำหรับสร้างโครโมโซมรุ่มใหม่ โดยวิธีการสำหรับคิดค่าความเหมาะสมนั้นจะใช้สมการที่สอดคล้องกับแต่ละปัญหา
- Genetic Operator คือ การคำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของ Genetic Algorithm เพื่อให้การเกิดวิวัฒนาการไปสู่คำตอบที่ดีขึ้น ซึ่งได้แก่ Selection, Crossover และ Mutation
- Parameter คือ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของ Genetic Algorithm เช่น ขนาดของประชาการ, ความน่าจะเป็นของการ Crossover หรือ ความน่าจะเป็นของการ Mutation
1. Crossover Probability คือ ความน่าจะเป็นของการเกิด Crossover ซึ่งมีค่าอยู่ในช่วง 0 - 100 โดยทั่วไปค่าความเหมาะสมของความน่าจะเป็นในการเกิด Crossover จะอยู่ที่ 60% - 95% และในกรณีที่ไม่เกิดการ Crossover เกิดขึ้นจะเป็นการทำสำเนา (Copy) รูปแบบของพันธุกรรมจาก Parent ไปสู่ Offspring เลย ยกตัวอย่าง การทำ Crossover เช่น เรากำหนดให้ Crossover Probability มีค่าเป็น 85% ถ้าเราทำการสุ่มเลือกตัวเลขขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบกับค่า Crossover Probability ได้เท่ากับ 20 นั่นคืออยู่ในช่วงที่ <= 85 ในกรณีจะยอมให้เกิดการ Crossover เกิดขึ้น 2. Mutation Probability คือ ความน่าจะเป็นของการเกิด Mutation จะมีค่าอยู่ในช่วง 0 - 100 ส่วนใหญ่ค่าความน่าจะเป็นของการเกิด Mutation จะถูกกำหนดไว้ให้อยู่ในช่วง 0% - 1% ต่อตำเหน่งของ Chromosome ในกรณีที่ไม่มีการ Mutation นั่นหมายความว่ามีเพียงการ Crossover เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากว่า เกิดการ Mutation 100% จะทำให้ทุกตำเหน่งใน Chromosome มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ซึ่งสำหรับใน Genetic Algorithm นั้นอาจเกิดกรณีนี้ขึ้นได้ แต่ไม่บ่อยนัก ไม่เช่นนั้นการค้นหาจะเปลี่ยนจาก Genetic Algorithm การเป็น Random Search
3. Population Size หรือ จำนวนของประชากรในแต่ละรุ่น ถ้ามีจำนวนมากเกิดไปจะทำให้ต้องเสียเวลาในการประมวลผลมากและทำงานได้ช้าลง หรือ หากน้อยเกินไปก็จะทำให้การค้นหานั้นสามารถที่จะลู่เข้าสู่คำตอบที่เป็น Global Minimum ได้ช้าเกินไป แผนผังลำดับของขั้นตอนการทำงาน
สำหรับเงื่อนไขในการหยุดการทำงาน หรือ Stop Condition นั้น สามารถกำหนดได้หลากหลายรูปแบบเช่น
- ครบรอบการทำงานที่ได้กำหนดไว้- พบเป้าหมายหรือคำตอบที่ต้องการ- พบว่าคำตอบที่ได้เร่ิมลู่เข้าสู่คำตอบที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เช่น คำตอบที่ได้จากประชากรแต่ละรุ่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคงที่เป็นจำนวนที่ติดต่อกัน
ตัวอย่างการนำ GAs มาใช้ในการแก้ปัญหาเขาวงกต
http://www.sambee.co.th/MazeSolver/mazega.htm
สำหรับองค์ประกอบหลักๆ ของ Genetic Algorithm มีดังนี้
1. Chromosome Encoding
2. Initial Population
3. Fitness Function
4. Genetic Operator -> Selection, Crossover, Mutation
5. Parameters
สามารถแจงรายระเอียดได้ดังนี้
- Chromosome Encoding คือ ขั้นตอนสำหรับแปลงทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ให้อยู่ในรูปแบบของ Chromosome ในการแปลงวิธีการสำหรับแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ ให้อยู่ในรูปแบบของ Chromosome นั้นสามารถที่จะทำได้ในหลายรูปแบบซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละปัญหา
- Initial Population คือ การสุ่มเลือกเพื่อสร้างประชากรต้นแบบขึ้นมาเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของขั้นตอนการวิวัฒนาการขั้นตอนนี้จะเป็นขึ้นตอนแรกที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเร่ิมเข้ากระบวนการของ Genetic Algorithm โดยประชากรกลุ่มแรก หรือประชาการต้นกำเนิด จะเกิดจากการสุ่มเลือกขึ้นมาจาก กลุ่มของประชากรทั้งหมดที่มีอยู่ โดยในการสุ่มเลือกจะทำการสุ่มตามจำนวนของประชากรที่ได้กำหนดไว้เป็น Parameter ของ Algorithm
- Fitness Function คือ ฟังชันสำหรับประเมินค่าความเหมาะสม เพื่อให้คะแนนสำหรับคำตอบต่างๆ ที่เป็นไปได้ของปัญหาโครโมโซมทุกตัวจะมีค่าความเหมาะสมของตัวเองเพื่อใช้สำหรับพิจารณาว่า โครโมโซมตัวนั้น เหมาะหรือไม่ที่จะนำมาใช้สืบทอดพันธุกรรมสำหรับสร้างโครโมโซมรุ่มใหม่ โดยวิธีการสำหรับคิดค่าความเหมาะสมนั้นจะใช้สมการที่สอดคล้องกับแต่ละปัญหา
- Genetic Operator คือ การคำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของ Genetic Algorithm เพื่อให้การเกิดวิวัฒนาการไปสู่คำตอบที่ดีขึ้น ซึ่งได้แก่ Selection, Crossover และ Mutation
- Parameter คือ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของ Genetic Algorithm เช่น ขนาดของประชาการ, ความน่าจะเป็นของการ Crossover หรือ ความน่าจะเป็นของการ Mutation
1. Crossover Probability คือ ความน่าจะเป็นของการเกิด Crossover ซึ่งมีค่าอยู่ในช่วง 0 - 100 โดยทั่วไปค่าความเหมาะสมของความน่าจะเป็นในการเกิด Crossover จะอยู่ที่ 60% - 95% และในกรณีที่ไม่เกิดการ Crossover เกิดขึ้นจะเป็นการทำสำเนา (Copy) รูปแบบของพันธุกรรมจาก Parent ไปสู่ Offspring เลย ยกตัวอย่าง การทำ Crossover เช่น เรากำหนดให้ Crossover Probability มีค่าเป็น 85% ถ้าเราทำการสุ่มเลือกตัวเลขขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบกับค่า Crossover Probability ได้เท่ากับ 20 นั่นคืออยู่ในช่วงที่ <= 85 ในกรณีจะยอมให้เกิดการ Crossover เกิดขึ้น 2. Mutation Probability คือ ความน่าจะเป็นของการเกิด Mutation จะมีค่าอยู่ในช่วง 0 - 100 ส่วนใหญ่ค่าความน่าจะเป็นของการเกิด Mutation จะถูกกำหนดไว้ให้อยู่ในช่วง 0% - 1% ต่อตำเหน่งของ Chromosome ในกรณีที่ไม่มีการ Mutation นั่นหมายความว่ามีเพียงการ Crossover เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากว่า เกิดการ Mutation 100% จะทำให้ทุกตำเหน่งใน Chromosome มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ซึ่งสำหรับใน Genetic Algorithm นั้นอาจเกิดกรณีนี้ขึ้นได้ แต่ไม่บ่อยนัก ไม่เช่นนั้นการค้นหาจะเปลี่ยนจาก Genetic Algorithm การเป็น Random Search
3. Population Size หรือ จำนวนของประชากรในแต่ละรุ่น ถ้ามีจำนวนมากเกิดไปจะทำให้ต้องเสียเวลาในการประมวลผลมากและทำงานได้ช้าลง หรือ หากน้อยเกินไปก็จะทำให้การค้นหานั้นสามารถที่จะลู่เข้าสู่คำตอบที่เป็น Global Minimum ได้ช้าเกินไป แผนผังลำดับของขั้นตอนการทำงาน

สำหรับเงื่อนไขในการหยุดการทำงาน หรือ Stop Condition นั้น สามารถกำหนดได้หลากหลายรูปแบบเช่น
- ครบรอบการทำงานที่ได้กำหนดไว้- พบเป้าหมายหรือคำตอบที่ต้องการ- พบว่าคำตอบที่ได้เร่ิมลู่เข้าสู่คำตอบที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เช่น คำตอบที่ได้จากประชากรแต่ละรุ่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคงที่เป็นจำนวนที่ติดต่อกัน
ตัวอย่างการนำ GAs มาใช้ในการแก้ปัญหาเขาวงกต
http://www.sambee.co.th/MazeSolver/mazega.htm
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)