1 วิวัฒนการของระบบโลจิสติกส์
ความหมายของโลจิสติกส์
โลจิสติกส์ คือ ส่วนหนึ่งของโซ่อุปทานซึ่งเป็นกระบวนการในการวางแผน การนำเสนอ และการควบคุมการไหลที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และการเก็บสินค้า บริการ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสุดท้ายของการบริโภคเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ กระบวนการของการวางแผน การเตรียม การนำไปใช้งาน และการประเมินผลของทุกหน้าที่ทางโลจิสติกส์ซึ่งสนับสนุนการดำเนินงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) คือ [Christopher ,1988] การจัดการเชิงกลยุทธ์ในการจัดซื้อจัดหา การเคลื่อนย้าย และจัดเก็บวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและสินค้าคงคลัง (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการไหลของข้อมูล) ตลอดทุกหน่วยขององค์กรโดยผ่านช่องทางทางการตลาด เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
การจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management) [โอ๊ก บรูก, 2544] กระบวนการวางแผน การปฏิบัติการและควบคุม การเคลื่อนย้าย และการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล รวมถึงการให้บริการ และสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่จุดกำเนิดจนถึงจุดการบริโภคสินค้า เพื่อวัตถุประสงค์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สรุป
โลจิสติกส์ คือ การออกแบบและการจัดการระบบการควบคุมการเคลื่อนย้าย ที่บริษัทและออกจากบริษัทไปยังลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
หรือ
การเคลื่อนย้ายพัสดุ และข้อมูลตั้งแต่วัตถุดิบไปจนเป็นสินค้าสำเร็จรูป จากต้นทางไปยังปลายทางจนถึงผู้บริโภค โดยมีการประสานงานแต่ละขั้นจอนอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ความหมายของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
[Cooper and Ellram]
Supply Chain เป็นวิธีบูรณาการเพื่อจัดการเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งหมดในช่องทางจำหน่ายจาก Supplier ไปยังลูกค้าคนสุดท้าย
[Battaglia and Tyndall]
Supply Chain เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจ และการจัดการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นลำดับจาก Supplier ถึงลูกค้า ซึ่งเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ตลอดเส้นทางอุปทาน
[Stenger and Coyle]
Supply Chain คือการจัดการบูรณาการกิจกรรมโลจิสติกส์ การแปรสภาพและการบริการอย่างเป็นไปตามลำดับจาก Supplier ไปจนถึงลูกค้าสุดท้ายซึ่งจำเป็นต่อการผลิตสินค้าหรือการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
[Lambert, Cooper and Pagh]
การจัดการ Supply Chain เป็นการบูรณาการกระบวนการธุรกิจหลัก ตั้งแต่ผู้ใช้คนสุดท้าย ไปถึงผู้ผลิตต้นทางซึ่งผลิตสินค้า บริการ และสารสนเทศที่เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย
สรุป
Supply Chain เป็นเรื่องของการเคลื่อนย้าย และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางผู้บริโภค กระบวนการในแต่ละขั้นห่วงโซ่อุปทานจะช่วยเพิ่มคุณค่าสินค้าตลอดทั้งเส้นทาง
กิจกรรมต่าง ๆ ในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นระบบสินค้า และข้อมูลที่ไหนเข้ามายังบริษัทหรือโรงงานเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้า เรียกว่า “การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ”
ส่วนที่สอง เกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตทำการผลิตสินค้าเสร็จ และสินค้าจะเคลื่อนออกจากบริษัทหรือโรงงานไปยังลูกค้า เรียกว่า “การจัดการการกระจายสินค้า”
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
- การจัดซื้อ (Purchasing)
- การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
- การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
- การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
- คลังสินค้า (Warehousing)
- การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
- การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
- การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
- การบริการลูกค้า (Customer Service)
การจัดการพัสดุ หรือวัตถุดิบ
การจัดหา (Sourcing หรือ Procurement)
คือกระบวนการ และขั้นตอนที่บริษัทนำมาใช้เพื่อจัดหาทรัพยากร(Resource) ที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้า หรือบริการ ซึ่งต้องคำนึงถึงคุณภาพวัตถุดิบ ความมั่นใจในด้านแหล่งจัดหา และต้นทุนวัตถุดิบ
การจัดซื้อ (Purchasing)
เป็นอีกกิจกรรมที่มีสำคัญ โดยจะพิจารณาจากมูลค่า และประเภทของสินค้า ซึ่งจะมีเทคนิคในการจัดซื้อหลากหลายรูปแบบตามแต่วัตถุดิบที่ต้องการ
การขนส่งขาเข้า (Inbound Transport)
การขนส่ง มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และมีความสามารถในการแข่งขัน รูปแบบของการขนส่งประกอบด้วยการขนส่งทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ทางท่อ และทางอากาศ ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป
การรับ และการเก็บรักษาสินค้า (Receiving and Storage)
เมื่อนำวัตถุดิบมายังโรงงาน พนักงานต้องทำการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และจำนวนที่รับเข้ามา เมื่อตรวจรับแล้วจะนำมาเก็บรักษาในสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปริมาณ และความถี่ของการใช้งานด้วย
การจัดการสินค้าคงคลังวัดถุดิบ (Raw Material Inventory Management)
วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนเพื่อใช้ในการผลิต สินค้าคงคลังมีไว้เพื่อให้การผลิตดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การจัดเก็บสินค้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น แหล่งวัตถุดิบ ปริมาณการใช้ และวิธีการขนส่งเป็นต้น
การจัดการการกระจายสินค้า ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
การประมวลคำสั่งซื้อ (Order Purchasing)
การจัดการคำสั่งซื้อเป็นจุดแรกที่ลูกค้าจะสอบถาม และสั่งสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อได้หลายช่องทางเช่นโทรศัพท์, FAX, e-Mail หรือ EDI เมื่อได้รับคำสั่งซื้อแล้ว จะตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อ และแจ้งนัดหมายวันส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้า
การจัดการสินค้าคงคลัง (Finished Goods Inventory Management)
คือการเชื่อมโยงระหว่างการวางแผน กับการปฏิบัติการ บทบาทของการจัดการสินค้าคงคลังคือการวางแผนความต้องการสินค้าที่จะเก็บไว้ในสต๊อก และจัดการสินค้าในสต๊อก รวมถึงการจัดการส่งสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งจะต้องทราบว่าสินค้าที่ต้องการอยู่ ณ ที่ใดบ้าง และเมื่อใดวรจะสั่งสินค้ามาเติมเต็ม
คลังสินค้า (Warehousing)
เป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า โดยมีหน้าที่ในการรวบรวมสินค้าจากโรงงานต่าง ๆ เพื่อส่งมอบให้ลูกค้า โดยคลังสินค้าอาจจะเป็นสถานที่ผสม หรือปรุงแต่งสินค้า และมีหน้าที่ในการสนับสนุนกิจกรรมด้านการผลิต และการตลาดอีกด้วย
การเคลื่อนย้ายพัสดุ (Material Handling)
เป็นกิจกรรมหนึ่งของการให้บริการคลังสินค้า และเป็นการเคลื่อนย้ายพัสดุในระยะสั้น คือการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้า – ออกจากคลังสินค้า เคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า ซึ่งต้องพิจารณาถึงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความเสียหายของสินค้าด้วย
การบรรจุหีบห่อ (Packaging)
มีความสำคัญกับระบบโลจิสติกส์ด้านค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยในตัวสินค้า นอกจากนั้นการบรรจุหีบห่อจะต้องมีการสื่อสาร หรือถ่ายทอดข้อมูล เช่น ผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ หมายเลขสินค้า เป็นต้น
การขนส่งสินค้าขาออก (Outbound Transport)
มักเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปซึ่งจะส่งให้กับลูกค้า หรือเก็บไว้ตามคลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า เป็นการนำสินค้าเข้าใกล้ลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การบริการลูกค้า (Customer Service)
เป็นปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จของธุรกิจ ทั้งนี้เพราะเป้าหมายของลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจคือกำไร และเป้าหมายของผู้บริโภคคือความพอใจในบริการ
ผู้เกี่ยวข้องหลักในระบบโลจิสติกส์
แบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือ
1. ผู้จัดส่งสินค้า
2. ผู้ผลิต
3. ลูกค้า
โดยทั้งสามฝ่ายจะมีการติดต่อซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้สินค้า หรือบริการเกิดการไหล หรือเคลื่อนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
22 ตุลาคม 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น