24 ตุลาคม 2551

2.การบริหารจัดการโลจิสติกส์ระดับโลก

2.การบริหารจัดการโลจิสติกส์ระดับโลก

ระบบโลจิสติกส์เกิดขึ้นทั่วโลก ตลอด 24 ชม.ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ และ 365 วันต่อปี ซึ่งระบบเหล่านี้จะต้องมีการบูรณาการ (Intergration) ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลข่าวสาร สินค้าคงคลัง คลังสินค้า การเคลื่อนย้าย บรรจุหีบห่อ ซึ่งแต่ละกระบวนการต้องทำงานประสานกัน

ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาของระบบโลจิสติกส์
- การลดกฏเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ
- การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
- ความต้องการของลูกค้ามีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
- การพัฒนา และการนำเอาระบบสารสนเทศมาใช้เพิ่มมากขึ้น
- Global Session ในธุรกิจ

การดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศไม่สามารถการนำระบบโลจิสติกส์มาใช้ได้ โดยเฉพาะจะพบว่าธุรกิจต่าง ๆ มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ความต้องการของผู้บริโภคมีความซับซ้อน และเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การเปิดเสรีทางการค้า (Free Trade Agreement : FTA) ถือว่าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่สำคัญอีกประการหนึ่ง

ความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน
ประการแรก คือความสามารถที่จะช่วยให้องค์กรอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในแง่ของการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยการใช้กระบวนการทางโลจิสติกส์เข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับความสำเร็จในตลาดที่เป็นรูปแบบง่าย ๆ คือ 3C Company(บริษัท) ,Customer(ลูกค้า) , Competitor(คู่แข่ง)
ประการที่สอง คือการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำกว่า และมีความสามารถในการทำกำไรได้มากกว่าคู่แข่ง

บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักได้เปรียบในด้านความสามารถในการผลิต หรือมีความได้เปรียบในด้านคุณค่า หรือทั้งสองด้านรวมกัน ซึ่งการสร้างความได้เปรียบทางด้านการผลิตมักอยู่ในรูปของการที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง และการได้เปรียบทางด้านคุณค่าคือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ หรือสร้างจุดเด่นให้เหนือกว่าคู่แข่ง




การจัดการโลจิสติกส์ จะเป็น การวางแผน และกรอบการทำงานซึ่งจะสร้างแผนในการเคลื่อนย้ายสินค้า และข้อมูลของธุรกิจ
การจัดการโซ่อุปทาน จะเป็น การจัดกรอบการทำงาน และพยายามที่จะทำให้บรรลุผลโดยการเชื่อม และการประสานระหว่างกิจกรรม และกระบวนการต่าง ๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

การจัดการโซ่อุปทาน คือ การจัดการความสัมพันธ์กับผู้จัดหาสินค้า และลูกค้า เพื่อทำการส่งสินค้า และบริการที่มีคุณค่าเหนือคู่แข่งโดยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าในทุก ๆ กิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน

การขยายแนวความคิดออกไปทำให้กำหนดความหมายของห่วงโซ่อุปทานให้มีความถูกต้องมากขึ้นดังนี้คือ เครือข่ายขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีการเชื่อมต่อ และเป็นอิสระต่อกัน ทั้งนี้การทำงานต้องมีความร่วมมือเพื่อควบคุม จัดการ และปรับปรุงการเคลื่อนย้ายของวัตถุดิบ และข้อมูลจากผู้จัดส่งสินค้า ไปจนถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย

สิ่งท้าทายโลจิสติกส์ระดับโลก
ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. ช่วงเวลาในการส่งมอบสินค้า
2. ช่วงเวลาที่ขยายออกไปสำหรับการพักก่อนส่งสินค้าต่อไป
3. หลักการรวบรวมสินค้าหลากหลายเข้าด้วยกัน
4. วิธีขนส่งที่หลากหลาย และการพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนของการขนส่ง

ช่วงเวลาในการส่งมอบสินค้า
การรวมการผลิตเข้าไว้ด้วยกัน หรือการจำกัดจำนวนฐานการผลิตจะก่อให้เกิดการช่วงชิง และการแข่งขันที่จะตอบสนองความต้องการในตลาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นมีความต้องการสินค้า หรือผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน การจัดการระบบการผลิตจะเน้นการใช้ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าให้นานขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ

ช่วงเวลาที่ขยายออกไปสำหรับการพักก่อนส่งสินค้าต่อไป
การขนส่ง การรวบรวมสินค้า และพิธีการศุลกากรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าสำหรับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นประเด็นหลักสำหรับบริษัทที่จะดำเนินงานระหว่างประเทศ ผลที่ตามมาคือผู้บริหารมุ่งที่จะชดเชยสำหรับความไม่แน่นอนโดยการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น การเผื่อสต๊อกเป็นสองเท่า และการเพิ่มแรงกดดันเนื่องจากการแข่งขันไปในการผลิต และการจัดสรรแบบรวมศูนย์

หลักการรวบรวมสินค้าหลากหลายเข้าด้วยกัน
บริษัทต่าง ๆ สามารถเลือกใช้ประเภทของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้หลากหลายแนวทาง และจำเป็นต้องเปรียบเทียบระหว่างต้นทุน และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการขนส่งประเภทต่าง ๆ ซึ่งทางเลือกต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
o การขนส่งตั้งแต่ต้นทางไปยังตลาด
o รวบรวมสินค้าต่าง ๆ ในภูมิภาค และทำการขนส่งไปยังตลาด
o รวบรวมสินค้าจากแหล่งต่าง แล้วทำการแบ่งกระจายไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ
o รวบรวมสินค้าจากแหล่งต่าง ๆ ในภูมิภาค และทำการแบ่งย่อยไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ

วิธีขนส่งที่หลากหลาย และการพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนของการขนส่ง
โดยการนำเอาหลักการการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบมาใช้ ซึ่งจะช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเจรจาตกลงเลือกประเภทการขนส่งสินค้าจัดว่าเป็นงานที่ใช้ทักษะสูงมาก ซึ่งทางเลือกที่ดีมากคือการใช้บริษัทภายนอกมาจัดการขนส่งในแบบ Door – to – Door หรือเรียกอีกอย่างว่า Integrator ซึ่งสามารถจะทำการจัดส่งสินค้าได้อย่างตรงเวลา และมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเป็นวิธีการที่มีความสลับซับซ้อนน้อย

การจัดการโลจิสติกส์ระดับโลก
เนื่องจากเมื่อนำมาเปรียบเทียบระหว่างบริษัท แต่ละบริษัทมีความแตกต่างกันในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางการตลาด และลักษณะของอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ดังนั้นจีงมีหลักการทั่ว ๆ ไปที่สามารถนำมาใช้ได้เช่น
- โครงสร้างเชิงกลยุทธ์ขององค์กร และการควบคุมการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ / สินค้าต้องเน้นที่การรวมศูนย์ ทั้งนี้เพื่อให้องค์กรสามารถจัดการต้นทุนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
- การควบคุมและจัดการการให้บริการต้องเน้นในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของตลาดเฉพาะแห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถที่จะช่วงชิง และรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
- มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในการใช้บริษัทผู้ให้บริการจากภายนอก (Outsourcing) ยกเว้นกิจกรรมหลักที่สำคัญสำหรับองค์กร
- การสร้างระบบข้อมูลโลจิสติกส์ระดับโลกเป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำก่อนกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละท้องถิ่นได้


ความแตกต่างระหว่างความสำเร็จ และความผิดพลาดในตลาดระดับโลกจะถูกกำหนดไม่เพียงแต่จากความสลับซับซ้อนของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ หรือการใช้การสื่อสารทางการตลาดเท่านั้น แต่จะเป็นหนทางที่เราใช้ในการจัดการ และควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ของโลจิสติกส์ระดับโลก

ไม่มีความคิดเห็น: