03 พฤศจิกายน 2551

3.บทบาทและความสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน

3.บทบาทและความสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน
แนวคิดของห่วงโซ่อุปทานเน้นในเรื่องความสำคัญในการปฏิบัติการของธุรกิจ กรอบแนวคิดของห่วงโซ่คุณค่า แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์
จัดเป็นหัวใจของธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าสินค้า หรือบริการประเภทไหนที่องค์กรจะผลิต และทำการแข่งขันในตลาดอย่างไร

- ความสัมพันธ์กับลูกค้า
การไหล หรือการเคลื่อนตัวซึ่งห้อมล้อมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตลาด ไม่ว่าจะเป็นการขาย การส่งเสริมการตลาด การสนับสนุนการขาย และการวิจัยตลาด

- ห่วงโซ่อุปทาน
เป็นการไหลของวัสดุ และทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อผลิต และจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภคขั้นสุดท้าย

กิจกรรมหลักเหล่านี้มักจะมีการดำเนินการแยกเป็นอิสระต่อกัน แต่ทุกกระบวนการจะมีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

คำนิยามห่วงโซ่อุปทาน
การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นการรวมกันของการวางแผน และการจัดการในทุก ๆ กิจกรรมซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดหา กระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ การจัดการ โลจิสติกส์ และยังรวมไปถึงการประสาน และร่วมมือกันระหว่างสมาชิกในโซ่อุปทาน ซึ่งประกอบไปด้วย Supplier ลูกค้า หรือผู้ให้บริการลำดับต่าง ๆ สาระสำคัญก็คือ การจัดการโซ่อุปทานเป็นการจัดการในเรื่องของการจัดหา และความต้อการภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท
การจัดการโซ่อุปทานเป็นการบริหารการทำงานร่วมกันระหว่างกิจการที่อยู่ในสายการผลิตตลอดสาย ตั้งแต่ต้นกระบวนการผลิตไปจนจบกระบวนการที่ผู้บริโภค โดยการแบ่งปันข่าวสารข้อมูลที่จำเป็น และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดร่วมกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้สูงสุด

ลักษณะของห่วงโซ่อุปทาน
- ห่วงโซ่อุปทานเป็นกระบวนการที่สมบูรณ์สำหรับการจัดสินค้า และบริการไปสู่ผู้ใช้ขั้นสุดท้าย
- ความเป็นสมาชิกรวมถึงทุก ๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติการที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ตั้งแต่ผู้จัดส่งวัตถุดิบเริ่มต้นจนกระทั่งถึงผู้ใช้ขั้นสุดท้าย
- ขอบเขตและการปฏิบัติการห่วงโซ่อุปทานรวมถึงการจัดหา การผลิตและการกระจายสินค้า
- การจัดการได้มีการขยายขอบเขตออกไปตลอดทั้งองค์กร ซึ่งจะรวมการวางแผน และการควบคุมตลอดจนการปฏิบัติการของแต่ละหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์กร
- สมาชิกทั้งหมดสามารถเข้าถึงระบบข้อมูลทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้มีการประสานงานที่ระหว่างองค์กรต่าง ๆ
- องค์กรที่เป็นสมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมายของแต่ละองค์กร ซึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานโดยรวม

กรอบแนวคิด
แนวคิดในระยะแรก ๆ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ มีผลกระทบน้อย และไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะมีองค์ประกอบหลัก ๆ 3 ส่วนคือ 1. กิจกรรมต่าง ๆ 2. การจัดการ 3. กระบวนการ และการดำเนินการ ซึ่งทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้าเป็นห่วงโซ่ของกิจกรรม และการตัดสินใจ
ภายใยห่วงโซ่นี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัทซึ่งเป็นตัวกำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และยังมีสิ่งแวดล้อมภายนอกของอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และประเด็นทางการเมืองระดับท้องถิ่น และระดับโลกมาเป็นผลกระทบด้วย
การจัดการและกระบวนการจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานเป็นระบบที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นโดยกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะมีการปรับ หรือดัดแปลงเพื่อเพิ่มมูลค่าใหกับกระบวนการไหลของสินค้า กิจกรรมต่าง ๆ สามารถถูกนำมาจัดใหม่โดยเรียงลำดับเพิ่มเติมให้เกิดประสิทธิภาพ หรือประสิทธิผลในการจัดการ

กระบวนการห่วงโซ่อุปทาน
กระบวนการห่วงโซ่อุปทานแบ่งออกเป็น 5 กระบวนการหลักดังต่อไปนี้
1. ผลิตภัณฑ์
การออกแบบผลิตภัณฑ์จะเป็นตัวกำหนดขั้นตอนการผลิต รวมทั้งกำหนดความต้องการเกี่ยวกับกิจกรรมโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การจัดเก็บสินค้าคงคลัง และช่วงเวลาการส่งมอบ เป็นต้น
2. การผลิต และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับการเคลื่อนย้ายสินค้า ทั้งนี้วิธีการและขั้นตอนการผลิตสามารถมีอิทธิพลต่อการจัดเก็บสินค้าคงคลัง การขนส่ง และเวลาการส่งมอบ
3. การจัดหา
การจัดซื้อ และจัดหาสามารถเชื่อมโยงการผลิตเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายจัดซื้อกลายเป็นเสมือนผู้จัดการที่อยู่นอกฝ่ายผลิต
4. การกระจายสินค้า
เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เชื่อมโยงระหว่างการผลิต และตลาดเข้าไว้ด้วยกัน โดยจะมีอิทธิพลต่อการให้บริการ และประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์
5. การจัดการความต้องการ
รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาด ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า กระบวนการสั่งซื้อสินค้า กิจกรรมการประสานกับตลาด และสนับสนุนการขาย

การจัดการห่วงโซ่อุปทาน
- บูรณาการแต่ละกิจกรรมให้ใหญ่ขึ้น โดยแต่ละองค์กรมีการจัดการทรัพยากรในแต่ละขั้นตอน กำหนดวัตถุประสงค์ของตัวเอง
- ประสานงาน เพื่อทำให้ความต้องการของตลาด และคำสั่งซื้อสามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
- การจัดการทรัพย์สินตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะสินค้าคงคลัง เพื่อให้บริการลูกค้า และลดต้นทุน

แนวคิดของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นมากกว่าการประสานงาน และการจัดการสินค้าคงคลังจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าในสายตาของลูกค้า และยังนำมาใช้เป็นกรอบการจตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร การบูรณาการองค์กรต่าง ๆ เข้าด้วยกันและออกแบบกระบวนการ ซึ่งจะทำให้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรเป็นสิ่งที่เกิดขึเนได้ยาก แต่การลอกเลียนแบบทำได้ยากกว่า

สิ่งแวดล้อมใหม่ของการบริหารระบบโลจิสติกส์ระดับโลก

จะมีการเปลี่ยนแปลง 5 ประการคือ
1. การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของลูกค้า
ความต้องการของลูกค้า และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือบริการ จะกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสั่งซื้อโดยตรง การผลิตสินค้าหรือบริการที่อยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้า และการส่งมอบให้ทันเวลาที่ลูกค้าต้องการ
2. การหดตัวของการผลิตแบบแมสโปรดักชั่น
ในอุตสาหกรรมการผลิตหลาย ๆ แห่งได้เปลี่ยนรูปแบบจากการผลิตจำนวนมาก ๆ เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้นให้ต่ำลง มาเป็นการผลิตที่เน้นงานฝีมือ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นความต้องการของตลาด และมีการแบ่งส่วนตลาดมากขึ้น การตลาดเฉพาะกลุ่มจะกระตุ้นให้มีการผลิตสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ จะมีการผลิตที่ใช้เวลาอันนั้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งจะกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลง โดยนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในกระบวนการผลิตมากขึ้นด้วย
3. แนวคิดการจัดเก็บสินค้าคงคลังให้น้อยลง
การผลิตสินค้าในปริมาณน้อยจะช่วยให้ประหยัดต้นทุนในการถือสินค้าคงคลัง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิต และกระจายสินค้า
4. การพัฒนาในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ มากขึ้น เช่นการจัดซื้อจัดหา ซึ่งจะพบว่าห่วงโซ่สั้นลงทำให้เกิดการตอบสนองดีขึ้น
5. องค์กรมีขนาดเล็กลง

ไม่มีความคิดเห็น: